Mon, Feb 15, 2010 12:56 pm
เทียบขนาดกับ iPhone
ด้านหลังเครื่อง
เกริ่นกันสักนิดสำหรับหลายคนที่ยังไม่คุ้นกับ 3G Mobile Wi-Fi Router ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือ Wi-Fi Router ขนาดย่อม (บ้างก็เรียกว่าเป็น Mi-Fi Router) โดยสัญญาณ Wi-Fi ก็นำมาจากสัญญาณ 3G ของระบบโทรศัพท์มือถือนั้นเอง โดยที่เจ้า 3G Mobile Wi-Fi Router ตัวนี้หน้าตาเห็นแว๊บแรกนึกถึงโทรศัพท์รุ่นยอดฮิตในสมัยก่อนโมโตโรล่า v-series ตัวเครื่องเทียบกันเห็นภาพก็เล็กกว่า iPhone พอควร น้ำหนักค่อนข้างเบา (ตามสเป็กหนัก 90 กรัม) ตัวเครื่องทำจากพลาสติกทั้งหมดโดยที่ด้านหน้าจะเป็นสีเงินขัดด้านมีหน้า จอแสดงผลขนาดประมาณ 1.8 นิ้วแสดงสถานะด้วยไฟ LED 5 ดวง ซึ่งจะใช้สัญลักษณ์ต่างกันไปตามแต่ละหน้าที่ ด้านข้่างตัวเครื่องมีปุ่มกดฟังก์ชั่นต่าง ๆ รวมถึงมีช่องใส่ Micro SD อยู่ทางด้านซ้าย ด้านหลังเป็นพลาสติกสีขาวเมื่อเปิดมาก็เจอแบตเตอรี่ก้อนบาง ๆ เห็นแบบนี้ตัวแบตเตอรี่มีความจะมากถึง 1,500 มิลลิแอมป์ เมื่อยกแบตเตอรี่ขึ้นมาก็จะเห็นมีช่องใส่ซิมการ์ด โดยรายละเอียดทางเทคนิคของ Huawei E5830 มีดังนี้- GSM/GPRS/EDGE: 850/900/1800/1900MHz
- HSUPA/HSDPA/WCDMA: 2100MHz
- HSDPA: 7.2Mbps(DL)
- HSUPA: 5.76Mbps(UL)
- BATTERY: 1500mAh (ใช้งานต่อเนื่อง 4-5 ชั่วโมง)
- WIFI: 802.11b/g (รองรับอุปกรณ์ 5 เครื่องพร้อมกัน)
- SIZE: 95x48x13 ม.ม.
- WEIGHT: 90 กรัม
- OS: Windows XP, Vista, Windows 7, Mac, Linux
ตั้งค่าให้ใช้เฉพาะบน WCDMA (3G) อย่างเดียวไม่ต้องโรมมิ่งก็ได้
ด้านการใช้งาน Huawei E5830 สามารถทำงานได้ทั้งแบบไร้สาย (Wi-Fi) และแบบมีสายโดยการต่อผ่านสาย USB เพื่อใช้งานเป็นโมเด็ม และแม้ขณะใช้งานเป็นโมเด็มผ่านทาง USB ก็ยังสามารถใช้งาน Wi-Fi จากตัวเครื่องได้ตามปกติ ซึ่งในการเริ่มต้นใช้งานเมื่อนำเจ้า Huawei E5830 ออกมาจากกล่องและเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เราก็จะพบกับตัวโปรแกรม Mobile Partner (สำหรับ Windows) ที่ต้องลงในเครื่องคอมพิวเตอร์เสียก่อน ส่วน Mobile Partner (สำหรับ Mac) เท่าที่ดูไม่พบว่ามีการเตรียมมาให้ แต่เราก็สามารถหาดาวน์โหลดได้เองจากเว็บไซท์ huawei ซึ่งเมื่อติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็สามารถตั้งค่าต่าง ๆ ของตัว Huawei E5830 ได้ทั้งหมดตั้งแต่เลือกให้ตัวเครื่องทำงานเฉพาะบนคลื่น 3G ไม่ให้ทำงานเมื่อพบว่าคลื่นเปลี่ยนจาก 3G เป็น EDGE, เปลี่ยนพาสเวิร์ด, ตั้งค่าเกี่ยวกับความปลอดภัยต่าง ๆ ของตัวเครื่อง อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนที่ใช้ Router อยู่ที่บ้านแล้วตั้งค่าผ่าน http://192.168.x.x ต้องบอกว่าตัว Huawei E5830 ถูกล็อกเอาไว้ ให้ตั้งค่าต่าง ๆ ผ่านเฉพาะทางซอฟท์แวร์ที่มาคู่กันเพียงอย่างเดียว ส่วนสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนหน้าจอเมื่อเปิดใช้งานถูกแบ่งเป็น 5 สัญลักษณ์ด้วยกันคือไฟสถานะการใช้งานทั้งหมดมี 5 ดวง
- สัญลักษณ์ความแรงของสัญญาณโทรศัพท์ (มุมซ้ายบน) ซึ่งแสดงเป็นรูปเสาอากาศแบบที่เห็นแล้วรู้ปั๊บได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร โดยระดับความแรงของสัญญาณถูกแบ่งด้วยสีแดง(ไม่มีสัญญาณ 3G), เหลือง (มีสัญญาณ 3G แต่่อ่อน) และเขียว (มีสัญญาณ 3G เต็มเปี่ยม)
- สัญลักษณ์แบตเตอรี่ (มุมขวาบน) ซึ่งการแสดงสถานะแบตเตอรี่จะถูกแบ่งด้วยสีเช่นกันคือสีแดง(แบตเตอรี่่อ่อน มาก), สีเหลือง (แบตเตอรี่มีอยู่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์) และสีเขียว (แบตเตอรี่มีราว ๆ 80-100 เปอร์เซ็นต์)
- สัญลักษณ์ตัว M (Mode) โดยเมื่อเราเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน 3G ได้ตัว M จะแสดงเป็นสีน้ำเงิน
- สัญลักษณ์ตัว W (Wi-Fi) เป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้ทราบว่าตัวเครื่องมีการปล่อยสัญญาณ Wi-Fi หรือไม่โดยถ้ามีตัว W สีฟ้าขึ้นมาก็แสดงว่าตอนนี้มีการปล่อย Wi-Fi อยู่ ถ้าไม่มีการปล่อย Wi-Fi จะไม่มีตัวหนังสือขึ้นมา
- สัญลักษณ์ตัว R (Roaming) หมายถึงว่ามีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นที่มีการเปิดโรมมิ่งกับเครือข่าย โทรศัพท์ของเรา ซึ่งจะแสงดสถานะเป็นตัว R สีแดง (กรณีนี้ในบ้านเราก็เมื่อเราใส่ซิมการ์ดทีโอทีและใช้งานถ้าหน้าจอขึ้นตัว R สีแดงแสดงว่ามีการโรมมิ่งกับเครือข่าย AIS)
ไฟขึ้นแบบนี้แสดงว่าพร้อมใช้งานทุกอย่าง
คุยข้อดีกันไปหมดแล้ว ส่วนข้อเสียของ Huawei E5830 เอาเข้าจริงในเรื่องการใช้งานทั่ว ๆ ไปก็ไม่มีอะไรจะต้องติ ถ้าจะมีก็คงเป็นตัวซอฟท์แวร์ Mobile Parther เวอร์ชั่น Mac ทำมาไม่ค่อยหยืดหยุ่นในการตั้งค่าในหลาย ๆ เรื่อง เพราะบางเมนูที่ควรมีก็ดันไม่มี เช่นตั้งค่าพาสเวิร์ด, เปลี่ยนชื่อ SSID เป็นต้น สรุปว่าถ้าต้องการตั้งค่าได้ทุกอย่างต้องใช้ซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นบน Windows ดีที่สุด อีกส่วนก็คงเป็นขณะใช้งานเป็นโมเด็มผ่านทาง USB จะไม่มีการชาร์ตไฟเข้าตัวเครื่อง แต่ถ้าปิดเครื่องแล้วเสียบ USB ทิ้งไว้จะชาร์ตไฟได้
สุดท้าย ๆ สุดไม่ว่าจะเป็นเจ้าของ iPhone, เจ้าของ iPod touch หรือใครก็ตามที่ต้องพกพาโน๊ตบุ๊คไปไหนต่อไหนด้วยบ่อย ๆ รวมถึงใครที่กำลังมองหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาให้กับสารพัด อุปกรณ์ขณะอยู่นอกบ้านเชื่อว่า 3G Mobile Wi-Fi Router (Huawei E5830) ตอบโจทย์ได้ดีครับ ส่วนใครกำลังตัดสินใจเสียเงินให้ iPad แต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะเอารุ่น Wi-Fi อย่างเดียวหรือรุ่น 3G/Wi-Fi ลองชั่งใจว่าถ้าเป็น iPad (Wi-Fi) + 3G Mobile Wi-Fi Router (Huawei E5830) ก็ไม่เลวทีเดียว แถมเราสามารถแบ่งให้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เราพกไปด้วยสามารถเข้าอินเตอร์เน็ตได้ด้วยเช่นกัน
จุดสังเกต
- การเชื่อมต่อ 3G รองรับเฉพาะคลื่น 2100 MHz เท่านั้น
- ซอฟท์แวร์ที่ให้มาไม่ค่อยหยืดหยุ่นเท่าไหร่ โดยเฉพาะเวอร์ชั่น Mac
- ขณะใช้งานเป็นโมเด็มผ่าน USB ไม่สามารถชาร์ตไฟเข้าตัวเครื่องได้
เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ทดสอบ : บริษัท อินสไปร์ สมาร์ทโซลูชั่นส์ จำกัด (www.surfnshop.biz)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น